นาวาอากาศเอก ดร. อธิคุณ คงมี
แนวทางการขับเคลื่อน อพท. ภายใต้การบริหารงานของผู้อำนวยการ อพท. นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ซึ่งยังคงยึดมั่นตามนโยบายการขับเคลื่อน อพท. และดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของ อพท.
สำหรับนโยบายและแผนงานที่จะดำเนินการเพิ่มเติม ซึ่งเป็นไปเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กร ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน มีผลสัมฤทธิ์ที่สำเร็จเป็นรูปธรรม ตอบสนองนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติได้ดี โดยส่วนหนึ่งเป็นการดำเนินงานที่ต่อยอดจากแผนงานเดิมที่วางไว้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งเป็นไปเพื่อแก้ไขจุดด้อยต่อยอดจุดเด่น มุ่งเน้นดำเนินงานตามแนวทางดังนี้
1. พัฒนา อพท. ให้เป็นองค์กรแห่งความตื่นตัว คล่องแคล่ว ตอบโจทย์ความเป็นองค์การมหาชน โดยเริ่มจากการพัฒนาและยกระดับศักยภาพของบุคลากร จากนี้ต่อไปเจ้าหน้าที่ของ อพท. จะไม่เป็นเพียงแค่ผู้นำองค์ความรู้ไปมอบให้หน่วยงานหรือชุมชนต่างๆ เท่านั้น แต่ต้องมีความตื่นตัว มีคุณลักษณะเป็นนักประสานงาน นักส่งเสริม เป็นผู้นำและเป็นนักยุทธศาสตร์ เพื่อการทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้นำศักยภาพของตัวเองมาร่วมกันพัฒนาพื้นที่และชุมชนที่ อพท. ได้รับมอบหมายจนเป็นผลสำเร็จ
2. Look Ahead การมองไปข้างหน้า ให้ภาพของ อพท. เป็นองค์กรที่มองไปข้างหน้า (outlook) ทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ตั้งแต่ 3-10 ปี มีการทำงานที่ชัดเจนให้เห็นตามแผนแม่บทที่วางไว้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดแก่สังคม ชุมชน และภาคีเครือข่าย ผ่านการทำงานตามโครงการที่ได้รับมอบหมาย มีแผนการดำเนินงานที่เป็นไปได้และเห็นผลแน่นอน สร้างให้ชุมชนและภาคีเครือข่ายมองเห็นถึงความต่อเนื่องของการทำงานของ อพท. โดยเป็นการร่วมแรงร่วมใจกันทำในวันนี้ เพื่อให้เป็นผลในวันข้างหน้าที่ชัดเจน
3. สร้างความศรัทธา (Trust) ความเชื่อมั่น ให้เกิดเป็นภาพจำขององค์กรส่งไปถึงแก่บุคคลภายนอก ว่า อพท. เป็นองค์กรที่มีความจริงใจ ลงพื้นที่จริง ทำจริง หาก อพท. ได้พัฒนาพื้นที่ใด พื้นที่แห่งนั้นจะเกิดความยั่งยืนแน่นอน
4. สร้างวัฒนธรรมองค์กร (Culture) ให้บุคลากรของ อพท. มีความภูมิใจที่ได้ทำงานในองค์กรแห่งนี้ มีคุณลักษณะความเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการ ถึงระดับหัวหน้างาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานมีพลังในการทำงานได้บรรลุเป้าหมายตามกำหนดเวลา ภายใต้แนวความคิด “รับผิดชอบ รวดเร็ว สำเร็จภารกิจ ทันเวลา”
5. ให้ความสำคัญกับบุคลากรในทุกระดับงาน เปิดโอกาสให้ทุกคนได้คิด ได้เสนอ และได้ทำในสิ่งที่มีความชอบและมีความถนัด มีการถอดบทเรียนของความสำเร็จสู่นวัตกรรมที่ดียิ่งขึ้น บุคลากรของ อพท. สามารถคิดนอกกรอบได้อย่างมีเหตุและผล เพื่อให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาชุมชนและภาคีเครือข่ายให้เกิดการพัฒนาไปพร้อมกัน
6. พัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ของชุมชนควบคู่ไปกับการศึกษาช่องทางการจัดจำหน่าย ในรูปแบบ Marketplace ใน Platform Smart Dasta ของ อพท. เพื่อเป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าช่วยเหลือชุมชน รวมถึงศึกษา Business Model เพื่อหารายได้ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับ อพท.
7. ท้ายสุดของแนวทางการทำงาน จากที่ผ่านมา อพท. จะทำงานภายใต้แนวความคิด 5 ร่วม คือ ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ ร่วมรับผิดชอบ และร่วมรับผลประโยชน์ นับจากนี้ไป จะเพิ่มอีก 1 ร่วม คือร่วมเป็นเจ้าของ หรือ Co-Own เพื่อให้ทุกภาคส่วนเกิดความหวงแหนร่วมกัน
โดยแผนการดำเนินงานที่กล่าวมาเป็นไปเพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ อพท. “อพท. เป็นองค์กรแห่งความเป็นเลิศในการบูรณาการการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อส่งมอบแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้เติบโตอย่างยั่งยืน”
อพท. มุ่งมั่นดำเนินงานตามปรัชญาการทำงานแบบมีส่วนร่วม Co-creation & Co-own ด้วยเป้าหมายก่อให้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่พิเศษ มาตลอด 21 ปี ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมา อพท.ได้ขับเคลื่อนโครงการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566 – 2570) ของพื้นที่พิเศษ 6 แห่ง ร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ 12 หน่วยงาน ได้กว่า 54 โครงการ (คิดเป็นร้อยละ 21.18 จากของโครงการทั้งหมด 255 โครงการ) ซึ่งใช้งบประมาณดำเนินโครงการกว่า 160 ล้านบาท
“ผลงานความสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ในระดับโลก”
ผู้อำนวยการ อพท. กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า ในปี 2567 อพท. สามารถผลักดัน 4 แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษให้ได้รับการจัดลำดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน 100 แห่งของโลก หรือ Green Destinations Top100 Stories 2024 ได้แก่ เวียงภูเพียงแช่แห้ง จังหวัดน่าน เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนประเภท Culture & Tradition จากเรื่องราวประเด็นกลไกการยกระดับงานประเพณีท้องถิ่น “เทศกาลหกเป็ง” สู่เทศกาลที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน ประเภท Destination Management ประเด็นการฟื้นฟูแหล่งเสื่อมโทรมเมืองโบราณอู่ทอง ด้วยพลังศรัทธาภาคประชาสังคม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เมืองเก่าสงขลา จังหวัดสงขลา เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน ประเภท Thriving Communities ประเด็นการฟื้นคืนเมืองเก่าสงขลาให้กลับมามีชีวิต และเชียงคาน จังหวัดเลย เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน ประเภท Thriving Communities ประเด็นเมื่อคูปองอาหารเช้ากลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชียงคาน
อพท. ยังมีผลสำเร็จจากการพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนตามแนวทางของ “เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก” (Global Sustainable Tourism Criteria: GSTC) ส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษของ อพท. ได้รับการรับรองมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลก คือ พื้นที่เชียงคาน จังหวัดเลย คว้าเหรียญเงิน แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลก จาก Green Destinations เป็นแห่งแรกในอาเซียน และเป็นแห่งที่ 5 ของเอเชีย (จาก 3 ประเทศ) โดยเชียงคานมีความโดดเด่นในด้านการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว (Destination Management) และตำบลในเวียง จังหวัดน่าน “เมืองเก่าที่มีชีวิต” คว้าเหรียญทอง แหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนโลก Green Destinations Award 2024 เหรียญทองแรกของอาเซียน และเป็นประเทศที่ 3 ของเอเชีย อีกด้วย
นอกจากนี้ อพท. ยังมีผลงานชิ้นสำคัญในการตอกย้ำความสำเร็จการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของ อพท. ด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน โดยคว้า 2 รางวัล PATA Gold Awards 2024 จากผลงาน “การต่อยอดแรงบันดาลใจจากมรดกเครื่องสังคโลกโบราณจากรุ่นสู่รุ่น” ของชุมชนเมืองเก่าสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย สาขารางวัลด้านมรดกทางวัฒนธรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือโดยธรรมชาติ (Heritage Manmade or Natural Cultural Inheritance) และสาขารางวัลด้านวัฒนธรรมการแสดงท้องถิ่นและทัศนศิลป์ “ชุมชนไตรตรึงษ์ จังหวัดกำแพงเพชร” ประเภทวัฒนธรรม : การแสดงท้องถิ่นและทัศนศิลป์ (Culture -Traditional performance and visual arts) ผลงาน “การรื้อฟื้นศิลปะการแสดงและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนไตรตรึงษ์ผ่านการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงวัฒนธรรม”
“ผลักดันมาตรฐานให้องค์กรจัดการการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้ชุมชนท้องถิ่น”
อพท. ได้ผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism Management Standard: STMS) รวม 10 องค์กร โดย อพท. ส่งเสริมให้ อปท.ในฐานะองค์กรจัดการแหล่งท่องเที่ยว (Destination Management Organizations: DMOs) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการการท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษ ให้ปฏิบัติตามมาตรฐาน STMS ให้มีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืนบนพื้นฐานการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนในท้องถิ่น ซึ่งมาตรฐาน STMS ได้รับการรับรองจากสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Council) ว่าเทียบเท่ากับหลักเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลกสำหรับสถานที่ท่องเที่ยว (GSTC-D) ซึ่งปีนี้มีองค์กรที่ผ่านมาตรฐานอยู่ในพื้นที่พิเศษเชียงราย ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาและพื้นที่เตรียมการประกาศในจังหวัดนครราชสีมา เช่น เทศบาลตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เทศบาลเมืองปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา องค์การบริหารส่วนตำบลวังอ่าง อำเภอ ชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช องค์การบริหารส่วนตำบลท่าหิน อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา เป็นต้น
ในระดับชุมชน อพท. ได้พัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนในพื้นที่พิเศษตามมาตรฐานการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนของประเทศไทย (CBT Thailand) โดยในปีงบประมาณ 2567 มีชุมชนที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพตามเกณฑ์ CBT Thailand) จำนวน 20 ชุมชน และได้รับการผลักดันเข้าสู่ตลาดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวม 20 ชุมชน ซึ่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวโดยชุมชนในพื้นที่พิเศษกว่า 112.339 ล้านบาท จาก 45 ชุมชน โดยเมื่อเทียบอัตราการเติบโต (Growth Rate) ของรายได้จากการท่องเที่ยวโดยชุมชนกับปีงบประมาณ 2566 จำนวน 62.517 ล้านบาท พบว่า มีอัตราการเติบโต (Growth Rate) ของรายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 79.69
อพท. ยังมีผลงานโดดเด่นในด้านการบริหารจัดการ โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา อพท. ได้รับรางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม 2 รางวัล ประเภท สัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม (Effectiveness of People Participation) “ระดับดีเด่น” จากผลงาน “การขับเคลื่อนเมืองเชียงคานสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” และ รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม “ระดับดี” จากผลงาน “การแก้ไขปัญหาระบบนิเวศ วัดตระพังทอง เพื่อปกป้องโบราณสถานเมืองมรดกโลกสุโขทัย” อีกด้วย
“มุ่งเป้าปี 2568 ขับเคลื่อนการพัฒนาตามเจตนารมณ์ในการจัดตั้งองค์กร”
ในปีงบประมาณ 2568 อพท. ยังคงมุ่งมั่นและมีเป้าหมายการดำเนินงานตามเจตนารมณ์ในการจัดตั้งองค์กร โดยมุ่งเน้นการทำงานให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้และกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น โดยเตรียมพร้อมสานต่อโครงการและทบทวนแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษฯ จำนวน 6 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่พิเศษหมู่เกาะช้าง พัทยา สุโขทัย เลย น่าน และเมืองโบราณอู่ทอง นอกจากนี้ นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการผลักดันแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษฯ ใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เชียงราย และคุ้งบางกะเจ้า เสนอ ท.ท.ช. พิจารณาเห็นชอบ รวมไปถึงการขับเคลื่อนโครงการสำคัญตามเป้าหมาย (Big Rock) เช่น โครงการก่อสร้างศูนย์ความเป็นเลิศและแหล่งเรียนรู้ด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่ อพท. หมู่เกาะช้าง เป็นต้น
ในปี 2568 นี้ อพท. ยังคงเดินหน้าพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตามมาตรฐานของเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก GSTC และผลักดันให้แหล่งท่องเที่ยวต้นแบบสมัครเข้ารับรางวัลแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน 100 แห่งของโลก (Green Destinations TOP 100) ไม่น้อยกว่า 2 แห่ง รวมไปถึงพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ได้รับการรับรองมาตรฐานการจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน STMS จำนวน 9 แห่ง และพื้นที่ที่มีผลการประเมินสถานะความยั่งยืนของแหล่งท่องเที่ยวต้นแบบ (GSTC-D System) ผ่านตามเกณฑ์ จำนวน 6 แห่ง รวมไปถึงร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายผลักดันเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและโดดเด่นสู่การเสนอชื่อเข้าเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network) อาทิ น่าน และสงขลา และยังคงมุ่งเป้าการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนของประเทศไทย CBT Thailand เพื่อให้ชุมชนได้รับการพัฒนาตามมาตรฐาน CBT Thailand 20 ชุมชน และได้รับการผลักดันเข้าสู่ตลาดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20 ชุมชน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวโดยชุมชนเชิงสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3 เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่นฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ท้ายสุดนี้ อพท. ยังคงยึดมั่นในเจตนารมย์การทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์องค์กรในการเป็น “องค์กรแห่งความเป็นเลิศในการบูรณาการการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อส่งมอบแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้เติบโตอย่างยั่งยืน” ต่อไป