องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)

ดอกทานตะเวน งูงับขยับข้อ สิ่งบอกเล่าวิถีชุมชนไทครั่งหนองอ้อ จ.สุโขทัย

1625729400
ขนาดตัวอักษร

          ทัศนาวิถีชีวิต ชมแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนไทครั่ง แห่งตำบลหนองอ้อ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย และทำกิจกรรมสนุก ๆ ท่ามกลางเสน่ห์ความเรียบง่ายจับใจ

          หากจะถามถึงจุดมุ่งหมายของการเดินทางไปยังที่ที่หนึ่ง แต่ละคนก็คงจะมีคำตอบแตกต่างกันไป บ้างก็เพื่ออยากตื่นตากับสถานที่ใหม่ ๆ บ้างก็เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย แต่ถ้าหากคุณกำลังค้นหาสถานที่สักแห่งที่ทำให้รู้สึกสงบในชีวิตละก็ ชุมชนไทครั่งหนองอ้อ ตำบลหนองอ้อ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย คือสถานที่ที่จะเป็นคำตอบนั้นให้กับคุณ

 


          การท่องเที่ยววิถีชุมชนที่หนองอ้อ ทำให้ได้สัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้าน รอยยิ้มที่เปื้อนด้วยอัธยาศัยไมตรี และความเอาใจใส่ผู้มาเยือนเป็นอย่างดี เช่น ครอบครัว นั่นก็เพียงพอที่จะละลายอาการเคอะเขินของเราลงทีละนิด รู้ตัวอีกทีก็หลั่งไหลบทสนทนาตามประสาคนบ้านเดียวกันแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้รู้สึกว่าเหมือนได้กลับบ้านมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่เสียมากกว่า จนสืบสาวจับความได้ว่า ชาวไทครั่งหรือบ้างก็เรียกว่าลาวครั่ง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากภูคลัง หลวงพระบาง โดยที่มาของคำว่าไทครั่งนั่น มาจากการเอาสีแดงจากตัวครั่ง หรือแมลงจำพวกเพลี้ย มาย้อมผ้าซิ่น จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทครั่งไปแล้วนั่นเอง

กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน วิถีสู่ความยั่งยืน

          เมื่อสองขาอาสาทำหน้าที่เดินสำรวจซอกแซกชุมชนไทครั่ง ความน่าสนใจท่ามกลางวิถีชีวิตแสนเรียบง่าย คือ กิจกรรมต่าง ๆ ของชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนหนองอ้อ ภายใต้การสนับสนุนจากองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษ 4 อย่างงานหัตถกรรมผลิตภัณฑ์ไม้ การทำเครื่องจักสาน และดอกทานตะเวนแบบ DIY ที่บ่งบอกให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่านี่แหละคือชาวไทครั่ง ปราชญ์ชุมชนทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่จะสอนให้ได้รู้จักการนำเอาวัตถุดิบจากธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และนำไปสู่การสร้างอาชีพ สร้างรายได้กระจายสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน

 


          เริ่มต้นจากงานหัตถกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้ หลากหลายตัวอย่างงานที่ถูกนำมาตั้งเรียงโชว์ในพื้นที่ส่วนกลางของชุมชน เหลี่ยมมุมองศาที่ถูกกลึงเกลาอย่างไม่มีที่ติ ล้วนสะท้อนความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ผ่านการฝาน สลัก เจียระไน และขัด จากบรรดาเหล่าช่างฝีมือผู้ชำนาญการในชุมชนทั้งสิ้น ทั้งนี้ สินค้าทุกชิ้นจากการจำหน่ายบางส่วนจะหักเข้าสหกรณ์ และมีการปันผลแก่สมาชิก เป็นอีกหนึ่งช่องทางสร้างรายได้จากงานฝีมือเพื่อชุมชนอย่างแท้จริง

          ต่อที่กิจกรรมการจักสาน ซึ่งเน้นวัสดุที่หาได้จากธรรมชาติ กับผลงานภูมิปัญญา "งูงับขยับข้อ" เห็นชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้ แต่สร้างคุณประโยชน์แก่ผู้ใช้ดีนักแล กับคุณสมบัติแก้อาการนิ้วล็อก เหมาะสำหรับคนที่มีอาการเกร็งของจากการใช้กล้ามเนื้อนิ้วเป็นเวลานาน งูงับขยับข้อจะช่วยทำให้อาการเหล่านั้นคลายลง วิธีใช้ก็ง่าย ๆ เพียงสวมนิ้วเข้าไปในปากงูและโยกเข้าโยกออกเท่านั้น

 


          และอีกหนึ่งไฮไลต์คือ กิจกรรมการทำดอกทานตะเวน DIY โดยการใช้ด้ายหรือไหมพรมหลากสีสันมาเป็นวัสดุหลักในการทำ ทั้งนี้ ดอกทานตะเวนยังเป็นเครื่องประดับในประเพณีแห่ธงของชาวไทครั่งบ้านเกาะน้อยที่จัดขึ้นช่วงเดือนเมษายนของทุกปี อันเป็นประเพณีสืบเนื่องมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล โดยจะก็ค่อย ๆ ประดิดประดอยนำไหมพรมและเส้นด้ายหลากสีสันวางไปตามโครงไม้ไผ่ ตามจินตนาการที่ชอบ เพียงไม่นานก็จะได้ดอกทานตะเวนฝีมือตัวเองแล้ว

 


ผ้าทอมือไทครั่ง ภูมิปัญญาถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น 

          เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของไทครั่ง คือ ผ้าซิ่น เพราะจะมีแบบเฉพาะตัว ซึ่งจะต่อตีนซิ่นด้วยผ้าฝ้ายหรือไหม มักจะใช้สีแดงเป็นพื้นด้านล่าง และใช้สีอื่น ๆ ให้เกิดลวดลาย มีอยู่ด้วยกันหลากหลายแบบ ได้แก่ ซิ่นก่าน ใช้เทคนิคการจกหรือขิดตัวซิ่นทั้งผืน, ซิ่นหมี่ลวด เป็นซิ่นที่ใช้เทคนิคการมัดหมี่และทอต่อเนื่องโดยไม่มีอะไรมาคั่น ทำให้เกิดลวดลายอย่างต่อเนื่องและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์, ซิ่นหมี่ตา ใช้เทคนิคการมัดหมี่สลับกับการจกหรือขิด ทำให้เกิดลวดลายขนานกับลำตัว ลวดลายของมัดหมี่จะเป็นลายหงส์หรือนาคเป็นส่วนใหญ่ และซิ่นหมี่น้อย เป็นซิ่นที่ใช้เทคนิคการมัดหมี่เป็นลวดลายแถบเล็ก ๆ สลับด้วยฝ้ายหรือไหมพื้นสีต่าง ๆ

ศูนย์เรียนรู้บ้านไทครั่ง (บ้านลุงอนุน) : เล่าขานตำนานวัฒนธรรมไทครั่ง

          อีกหนึ่งหมุดหมายที่จะพาเราไปทำความรู้จักถึงขุมทรัพย์มรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนแห่งนี้ "ศูนย์เรียนรู้บ้านไทครั่ง (บ้านลุงอนุน)" แหล่งเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ภายนอกประดับประดาด้วยดอกทานตะเวน สัญลักษณ์ประจำของชุมชนไทครั่ง และเมื่อไรก็ตามที่ใกล้ช่วงประเพณีแห่ธง ที่นี่จะแปรเปลี่ยนเป็นเวทีแข่งขันทำดอกตะเวนกันเล่น ๆ เพื่อดูว่าของใครทำสวยกว่ากัน นัยหนึ่งก็เป็นเหมือนดั่งกุศลโลบาย ปลูกฝังความรู้สึกรักและหวงแหน และสานต่อวัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไป นอกจากนี้ภายในยังบรรจุของสะสมต่าง ๆ ทั้งเครื่องใช้โบราณ จาน ชาม ไปจนถึงผ้าซิ่นไทครั่ง ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี เคล้าไปกับเรื่องเล่ามุขปาฐะจากเหล่าสมาชิกในชุมชน คอยทำหน้าที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นมัคคุเทศก์เจื้อยแจ้ว ช่วยสร้างบรรยากาศให้ที่นี่ไม่ตกอยู่ในความเคร่งขรึมและเป็นทางการจนเกินไปนัก
 


ลิ้มรสอาหารพื้นถิ่น กินอร่อยแบบบ้าน ๆ

          การมาเยือนชุมชนไทครั่งจะไม่สมบูรณ์แบบเลย หากพลาดการลิ้มลองอาหารพื้นถิ่นดั้งเดิม อาหารที่ต้องยกให้เป็นเมนูเด่นประจำชุมชน คือ "โซเล่ไก่" ทำจากไก่โอ่งหรือไก่ตัวผู้รุ่นกระทง โดยนำเนื้อมาสับ หั่นเครื่องในเป็นชิ้น และสำคัญที่สุดต้องใส่ก้านกล้วย นำมาสับรวมกับเนื้อไก่ หลังจากนั้นจึงนำมารวนให้สุกพร้อมกัน ถ้าใครได้มาเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนไทครั่งหนองอ้อ แล้วไม่ได้กินเมนูโซเล่ไก่ ถือว่ามาไม่ถึง นอกจากนั้นยังมีเมนูพื้นบ้านอย่างแกงป่าขาหมู, แจ่วหม้อ หมู,ไก่, ต้มบักโต่น (ต้มฟักเขียว), ลาบผำ, ข้าวต้มหัวหงอกตอกตัด และอีแป๊ะแดกกล้วย เป็นต้น แม้แต่ละเมนูจะฟังชื่อแล้วแปลกหู รสชาติอาจไม่คุ้นลิ้น แต่รับรองว่ายิ่งกินมากคำก็ยิ่งนัวเพิ่มทวีคูณ

          ทุกแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดในชุมชนไทครั่ง เป็นเครื่องแสดงถึงต้นทุนวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง ผ่านการสืบสานและสานต่อจากคนรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง และเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ากาลเวลาไม่อาจทำลายต้นทุนมรดกภูมิปัญญานี้ลงได้แม้แต่น้อย หากกลับยิ่งสร้างมูลค่าให้กับตัวเอง ด้วยการเปิดโอกาสให้คนนอกเข้ามาเรียนรู้ร่วมกัน เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ก่อเกิดรายได้หมุนเวียนคืนกลับสู่ชุมชนอย่างยั่งยืนสืบไป

ขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซต์ journal.nu.ac.th
เว็บไซต์ sukhothailocal.go.th