กินอยู่ตามวิถีพอเพียง ณ ชุมชนบ้านดงเย็น พร้อมเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์
สัมผัสวิถีเกษตรแบบดั้งเดิมของชุมชนบ้านดงเย็น จังหวัดสุพรรณบุรี ในการทำเกษตรอินทรีย์ ตามศาสตร์พระราชา พร้อมเรียนรู้ภูมิปัญญา อัตลักษณ์ผ่านกิจกรรมท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย
นอกจากโบราณสถานและเรื่องเล่าที่สืบต่อมาอย่างช้านาน ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีแห่งนี้ ยังขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนเกษตรอินทรีย์ โดยมี "ชุมชนบ้านดงเย็น" เป็นต้นแบบชุมชนอนุรักษ์วิถีเกษตรอินทรีย์ หลากหลายเรื่องเล่าและภูมิปัญญา ที่ยังคงซึมซับอยู่ในวิถีชีวิตของคนในชุมชนอย่างแยกกันไม่ออก ดังนั้น องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง จึงเข้าไปเพิ่มองค์ความรู้ต่าง ๆ จนชุมชนสามารถต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร และสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน บนวิถีแห่งความพอเพียง ตามศาสตร์พระราชาของในหลวง รัชกาลที่ 9
ชุมชนบ้านดงเย็น เกษตรอินทรีย์และวิถีชุมชน
หากจะสืบสาวราวเรื่องย้อนกลับไปในอดีต บ้านดงเย็นคือที่ลงหลักปักฐานของกลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่ง ซึ่งอพยพมาจากลาวตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ตลอดจนวัฒนธรรม ยังคงได้รับการสืบทอดและสานต่อจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง ไม่ต่างกับห้วงเวลา ณ ปัจจุบันกาล ที่ชาวบ้านดงเย็นก็ยังคงอยู่กันอย่างเรียบง่าย ช่วงเวลาเย็นย่ำของแต่ละวันหลังจากที่ทำนา รดน้ำแปลงผักเสร็จ ก็จะพากันล้อมวงกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อ แม่ ลูก และเครือญาติ เดินไปมาหาสู่กันเป็นนิจศีล
เที่ยวชุมชนบ้านดงเย็นทั้งที ก็ต้องนั่งรถซาเล้งแบบนี้เที่ยว ถึงจะได้บรรยากาศ
วิถีชีวิตของพวกเขายังคงผูกพันกับการเกษตรอย่างแน่นแฟ้น แต่ละครัวเรือนมักจะปลูกผักไว้กินเองแบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี หมักปุ๋ยด้วยตัวเอง จากทำกันเอง ก็เริ่มขยายเป็นนำผลผลิตที่ได้ไปขาย และเมื่อสิ่งที่พวกเขายืนหยัดทำสามารถตอบโจทย์ได้ในระดับหนึ่ง จึงเริ่มขยายไปสู่การเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการทำเกษตรอินทรีย์เผยแพร่ความรู้และวิธีการให้กับผู้คนที่สนใจในหนทางเดียวกัน
ป้าแววกำลังขะมักเขม้นในการสาธิตวิธีปลูกพืชผักสวนครัวชนิดต่าง ๆ
ป้าแวว ประธานกลุ่มวิสาหกิจวนเกษตรดงเย็น หนึ่งในผู้ริเริ่มรวมกลุ่มชาวบ้านดงเย็น หันมาทำเกษตรอินทรีย์ ปลูกพืชผักปลอดสารเคมีเพื่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันขยายผลสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน สร้างความสุขและรายได้ให้กับคนในชุมชน โดยนักท่องเที่ยวจะได้ปั่นจักรยาน เรียนรู้วิถีการเกษตร ทุก ๆ บ้านจะปลูกพืชผักสวนครัวหลากหลายชนิด ด้วยวิธีการนำเอาวัสดุเหลือใช้ เช่น ถัง กะละมัง และตะกร้า มาเป็นอุปกรณ์ผู้ช่วยในการปลูก พอถึงเวลาก็รดน้ำใส่ปุ๋ย โดยปุ๋ยที่นี่เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ทำจากไส้เดือนและมูลสัตว์ จึงทำให้ผักปลอดสารพิษ แถมยังให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
"เป็นประจำทุกวันของบ้านดงเย็น แว่วเสียงเพลงลอยมาตามสาย ซึ่งมีที่มาจากวิทยุของชาวบ้าน โดยเปิดให้ไก่ได้ฟังเพลง เป็นการลดความเครียดและสร้างความผ่อนคลาย จนกลายเป็นไก่ไข่อารมณ์ดี และออกไข่ฟองโต ๆ ให้เราได้กินกัน" ป้าแววบอกเราอย่างอารมณ์ดี พร้อมไขปริศนาที่มาที่ไปของเสียงเพลงที่ได้ยินเป็นระยะ ๆ
พืชผักสวนครัวที่ปลูกได้ และสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน
โดยป้าแววยังเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นการทำเกษตรอินทรีย์ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2556 จากการรวมกลุ่มเล็ก ๆ ประมาณ 12 คน จาก 5 ครอบครัว โดยมีป้าแววเป็นหนึ่งในจำนวนเหล่านั้น ปลูกผักสวนครัวกินกันเองก่อน จนผลิตผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะได้บริโภคของที่ทั้งสดและใหม่ หลังจากนั้นไม่นาน ปี พ.ศ. 2558 เริ่มมีการรวมกลุ่มที่ใหญ่มากขึ้น ตลอดจนป้าแววและเพื่อนสมาชิก ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานการทำเกษตรอินทรีย์จากสถานที่ต่าง ๆ จนเป็นตัวจุดประกาย ก่อเกิดเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนต่าง ๆ เช่น การปลูกผักในตะกร้า (ไม่ใช่สารเคมี), เพาะต้นอ่อนทานตะวัน, ทำก้อนเชื้อเพาะเห็ด และปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้ เป็นต้น
เรียนรู้พืชพันธุ์ไม้ชนิดต่าง ๆ จากป้าแววคนเก่ง
นอกจากป้าแววแล้ว ยังมีเหล่าเพื่อนสมาชิกของกลุ่ม ก็ยึดแนวทางวิถีเกษตรอินทรีย์ด้วยเช่นเดียวกัน บางบ้านยังเพาะเห็ดนางฟ้า ในโรงเรือนที่ได้มาตรฐาน เลี้ยงปลาดุกในบ่อซีเมนต์ รวมทั้งเลี้ยงไก่แบบธรรมชาติ ปล่อยให้อิสระ ไก่จึงอารมณ์ดี ออกไข่ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง คนกินจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยผลผลิตทั้งหมดนอกจากจะจำหน่ายภายในหมู่บ้าน ตลาดสด สร้างรายได้ให้กับชุมชนแล้ว นักท่องเที่ยวยังเลือกเก็บและซื้อกลับบ้านได้ หรือจะให้ชาวบ้านช่วยปรุงเป็นเมนูอาหารให้กินก็ทำได้เช่นกัน
"ไฮไลต์เด็ดของที่นี่ ต้องไม่พลาดการชิมเมนูอาหารพื้นบ้าน ซึ่งใช้วัตถุดิบของดีพื้นบ้านของชุมชนบ้านดงเย็น นำไปประกอบอาหารหลากหลายเมนู ยิ่งกินกับข้าวสวย บอกเลยว่าอร่อยเหาะเลยแหละ"... มาถึงวันนี้ป้าแววสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า ชาวบ้านในชุมชนบ้านดงเย็นมีรายได้เสริมจากการทำเกษตรอินทรีย์ นอกเหนือจากรายได้หลักจากอาชีพประจำของแต่ละคน แหล่งท่องเที่ยวเกษตรบ้านดงเย็น จึงมีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งในการรองรับนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสวิถีเกษตรและใกล้ชิดธรรมชาติ แถมอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียว
เมนูกับข้าวพื้นบ้าน ประกอบจากวัตถุดิบพืชผักในชุมชนบ้างดงเย็น
วันนี้...ของบ้านดงเย็น จากเดิมที่ชาวบ้านในชุมชนบ้านดงเย็นทำอาชีพเกษตรกรรม แต่ก็ประสบกับความเจ็บป่วยด้านสุขภาพ เพราะเป็นเกษตรแบบพึ่งพาสารเคมี จนเมื่อเปลี่ยนมาเดินตามศาสตร์พระราชาตามแนวทฤษฎีเกษตรอินทรีย์ 100% ได้อย่างแท้จริง ตลอดจนแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความรู้ซึ่งกันและกัน ร่วมกันนำผลผลิตไปจำหน่าย และต่อยอดกลายเป็นแหล่งให้คนที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้และศึกษาดูงาน ซึ่งชาวบ้านดงเย็นพร้อมจะสร้างสุขแท้จริงให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน