องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)

เล่าเรื่อง “วัดภูมินทร์” ผ่านสถาปัตยกรรม จิตรกรรมฝาผนัง และความเชื่อ

1625713320
ขนาดตัวอักษร

          พาสำรวจมนตร์ขลัง “วัดภูมินทร์” วัดสำคัญและสมบัติล้ำค่าของจังหวัดน่าน ที่อยู่คู่เมืองมามากกว่า 400 ปี พร้อมเรียนรู้เรื่องราวประวัติความเป็นมา การออกแบบ สถาปัตยกรรม ภาพจิตรกรรมชื่อดัง รวมถึงความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณ

          "น่าน" เมืองเล็ก ๆ แห่งลุ่มแม่น้ำน่าน ตามประวัติในพงศาวดารบ่งชี้ว่าก่อตั้งขึ้นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 18 ผ่านมาหลายยุคหลายสมัย เริ่มด้วยสมัยเมืองล่าง-วรนคร สมัยล้านนา มาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ช่วงเวลาหนึ่งที่น่าสนใจของที่นี่ก็คือ สมัยล้านนา เพราะเป็นช่วงที่ถือกำเนิดสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น เจดีย์วัดพระธาตุแช่แห้ง, เจดีย์วัดสวนตาล และเจดีย์วัดพระธาตุช้างค้ำ รวมไปถึง "วัดภูมินทร์" ที่ตั้งอยู่บริเวณบ้านภูมินทร์ ตำบลในเวียง ซึ่งเป็นดั่งหัวใจที่ชาวน่านทั้งรักและหวงแหน เพราะมีความงดงามทั้งสถาปัตยกรรม จิตรกรรมฝาผนัง รวมถึงยังมีเรื่องราวความเป็นมา ความเชื่อ และความศรัทธาที่น่าสนใจ เป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอย่างหนึ่งในจังหวัดน่าน

          องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. โดยสำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน จึงได้ดำเนินการพัฒนาวัดภูมินทร์ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองน่าน และขับเคลื่อนเรื่องอารยสถาปัตย์เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย และการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Tourism for All) พร้อมเชื้อเชิญให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัสกับร่องรอยอารยธรรมและสถาปัตยกรรมมากคุณค่า เพื่อกระจายเม็ดเงินการท่องเที่ยวไปสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน
 


วัดภูมินทร์ กับกาลเวลากว่า 400 ปี ศรีเมืองน่าน

          หลังจากพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครเมืองน่าน องค์ที่ 40 และองค์ที่ 41 แห่งนครเมืองน่าน ขึ้นครองนครได้ 6 ปี ก็ได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นในปี พ.ศ. 2139 ซึ่งตรงกับสมัยล้านนา รวมระยะเวลาจวบจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2563) ก็มีอายุมากถึง 424 ปีแล้ว โดยที่มาของชื่อวัดนั้นมีปรากฏหลักฐานในคัมภีร์เมืองเหนือ ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า "แต่เดิมวัดภูมินทร์มีชื่อว่า วัดพรหมมินทร์ ตามชื่อของเจ้าผู้ครองนคร แต่ก็ได้มีการเรียกชื่อเพี้ยนกันไปกลายเป็นวัดภูมินทร์ดั่งในปัจจุบัน"

สถาปัตยกรรมทรงคุณค่า สวยวิจิตร หนึ่งเดียวในไทย

          สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของวัดภูมินทร์ ก็คือ พระอุโบสถและพระวิหาร ซึ่งเป็นอาคารหลังเดียวกัน โดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรม มีลักษณะเป็นรูปทรงจตุรมุข สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเป็นหลังแรกของประเทศไทย ทั้ง 4 ด้านมีประตูไม้แกะสลักลวดลายงดงามอ่อนช้อย โดยฝีมือของช่างล้านนาในสมัยนั้น โครงสร้างของหลังคาถูกค้ำด้วยเสาไม้สัก 12 ต้น ลงรักปิดทองเคลือบเงาเป็นรูปดอกไม้และช้างสวยวิจิตรตระการตา



          บริเวณด้านหน้าประตูอุโบสถทางด้านทิศเหนือ มีรูปปั้นนาคขนาบข้างบันไดทั้ง 2 ฝั่ง ลำตัวทอดยาวไปรับกับตัวพระอุโบสถและพระวิหาร คล้ายเอาหลังหนุนไว้ คนโบราณจะกล่าวว่า นาคสะดุ้ง แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้บนกลางลำตัว ตามความเชื่อที่ว่า "เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระองค์ได้เสด็จผ่านบันไดแก้วที่เทวดาเนรมิตขึ้นและมีพญานาค 2 ตัวหนุนหลังเอาไว้" โดยส่วนกลางของบันไดนาคจะมีช่องทรงโค้งทั้ง 2 ด้าน ผู้เฒ่าผู้แก่จะบอกกันว่า หากคู่รักได้ลอดวนตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ จะสมหวังดังตั้งใจ และยังเชื่ออีกว่าหากคนต่างถิ่นมาลอดจะได้กลับไปเยือนเมืองน่านอีกครั้ง

ฮูบแต้ม เลื่องลือชื่อ กระซิบรักเมืองน่าน

          เมื่อเดินเข้าไปยังด้านในของพระอุโบสถ จะปรากฏภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังลายเส้นสวยงามทั้ง 4 ด้าน เป็นศิลปกรรมแบบไทลื้อ คนพื้นเมืองเรียกกันว่า ฮูบแต้ม ภาพวาดได้แสดงถึงเรื่องราวของพุทธชาดก ตำนานพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต ภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้ถูกวาดขึ้นช่วงการซ่อมแซมพระอุโบสถครั้งใหญ่ ในสมัยของเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 และเป็นเจ้าผู้ครองนครเมืองน่าน องค์ที่ 12 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ หรือราว ๆ ปี พ.ศ. 2410-2417


          ภาพที่สะดุดตาและมีชื่อเสียง คือ ปู่ม่านย่าม่าน และ นางสีไว เป็นผลงานของ "หนานบัวผัน" จิตรกรพื้นถิ่นเชื้อสายไทลื้อ ที่มีฝีมือการวาดภาพอันเป็นเอกลักษณ์ มีการใช้สีสันทันสมัย เช่น สีแดง ฟ้า ดำ และน้ำตาลเข้ม โดยภาพปู่ม่านย่าม่านมีลักษณะเป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งคล้ายกำลังกระซิบสนทนา ได้ฉายาว่าภาพ "กระซิบรักบันลือโลก" เมื่อพินิจมองไปในภาพก็มีการสันนิษฐานกันว่า ชายหญิงในภาพนั้นเป็นชายหนุ่มชาวเมียนมาและหญิงสาวชาวไทลื้อ ด้วยการแต่งกาย การเกล้ามวยผม รวมไปถึงชื่อภาพ ปู่ม่านย่าม่าน ที่คำว่า ม่าน หมายถึง เมียนมา คำว่า ปู่ หมายถึง ผู้ชายพ้นวัยเด็ก และคำว่า ย่า หมายถึง ผู้หญิงพ้นวัยเด็ก และทั้งคู่ก็น่าจะเป็นสามีภรรยากัน เพราะในสมัยก่อนนั้นหากเป็นหนุ่มสาวจะถูกเนื้อต้องตัวกันไม่ได้
 


          ส่วนภาพนางสีไวก็งดงามไม่แพ้กัน ทั้งลายเส้นและสีสันก็อ่อนช้อย โดยนางสีไวเป็นตัวละครจากเรื่อง คัทธณะกุมารชาดก ภาพที่วาดขึ้นมีลักษณะเป็นภาพหญิงสาวเกล้ามวยผมเหนือศีรษะ ในมือกำลังปักดอกไม้งามลงบนมวยผมสีดำขลับ ใบหูใส่ม้วนทอง มีผ้าคล้องคอไพล่ชายไปด้านหลัง เปลือยอก นุ่งผ้าลายพื้นเมืองน่าน งดงามหาที่เปรียบมิได้

พระประธานจตุรพักตร์ ศิลปะสุโขทัยน่าศรัทธา

          ใจกลางพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานจตุรพักตร์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวน่านต่างให้ความเคารพศรัทธา เป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยสีทองงามอร่าม 4 องค์ ปางมารวิชัย ซึ่งพระกรรณ (หู) และพระนาสิก (จมูก) ของพระพุทธรูปได้รับอิทธิพลจากศิลปะลาว ประทับนั่งบนฐานชุกชี หันพระพักตร์ออกไปสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ และหันเบื้องพระปฤษฎางค์ (หลัง) เข้าหากันตรงกลางของพระอุโบสถ มีความเชื่อกันว่าหากจะขอพรควรเดินวนชมทั้ง 4 องค์ก่อน 1 รอบ หากรู้สึกว่าพระพุทธรูปองค์ไหนยิ้มหรือพระพักตร์เป็นมิตรไมตรีกับเรามากที่สุด ให้ขอพรกับองค์นั้น แล้วจะสมดังใจปรารถนา
 


วัดสวยมรดกชาติ คู่ธนบัตรไทย

          บนธนบัตรไทยนอกจากจะมีภาพของพระมหากษัตริย์แต่ละสมัยแล้ว สิ่งที่ปรากฏอยู่ด้วยก็คือ ภาพของสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในเมืองไทย ซึ่งครั้งหนึ่งภาพของพระอุโบสถวัดภูมินทร์ ก็ได้ไปอยู่บนธนบัตรไทยราคา 1 บาท รุ่นที่ 1-3 ทางด้านซ้าย ส่วนทางด้านขวานั้นเป็นพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงเครื่องแบบจักรี

          วัดภูมินทร์ มีคุณค่าต่อศิลปวัฒนธรรมของไทยล้านนามากทีเดียว การจะหาชมสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมเก่าแก่ที่ยังสมบูรณ์และสวยงามแบบนี้นั้นหาได้ยากยิ่ง เมื่อมีโอกาสไปเยือนเมืองน่านเมื่อใด ตามรอยประวัติศาสตร์ไปเที่ยววัดภูมินทร์สักครั้ง แล้วจะพบว่าคุ้มค่าเหลือเกินที่ได้ไปชมด้วยสายตาตัวเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก
nantourism.go.th
rd.go.th
museumthailand.com
คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
nkr.mcu.ac.th